วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

ตัวอย่างปัญหาที่เกี่ยวกับกระบวนการเบื้องหลัง


ตัวอย่างปัญหา




      ปัญหาการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขอทาน สำหรับปัญหาการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขอทานนั้น พบว่ากลุ่มเด็กที่ถูกนำมาขอทานมากที่สุดยังคงเด็กที่มาจากประเทศกัมพูชา โดยเส้นทางที่นายหน้าค้ามนุษย์มักใช้ลักลอบนำเด็กเข้ามานั้น ยังคงเป็นด่านชายแดนอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วเช่นเดิม ซึ่งจากการลงพื้นที่ของโครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา พบว่าบริเวณด่านชายแดนดังกล่าวสามารถลักลอบเข้าสู่ประเทศไทยได้ง่าย โดยใช้การเดินเท้าและขึ้นพาหนะประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ , รถประจำทางหรือแม้กระทั่งรถตู้ เพื่อเข้าสู่เมืองเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งโดยมากชาวกัมพูชาที่จะเข้ามาทำการขอทานนั้น มักจะเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าประมาณ 1,500 – 3,000 บาท แทนการทำพาสปอร์ตที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า จึงทำให้หลายครั้งที่มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับการช่วยเหลือกลุ่มขอทานไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ จึงพบมักปรากฏข้อมูลว่า “ไม่มีเอกสารแสดงตัวและเป็นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย”    ในช่วงต้นปี 2555 นั้น ได้เกิดข่าวที่สร้างความครึกโครมให้กับสังคม ภายหลังจากที่มีการนำเสนอประเด็นนายหน้าค้ามนุษย์ตัดลิ้นไก่เด็กให้พิการก่อนที่จะบังคับขอทานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยมีการเล่าถึงพฤติกรรมที่เหี้ยมโหดของนายหน้าค้ามนุษย์ที่ใช้มีดกรีดที่ลำคอเด็ก ก่อนจะใช้เหล็กแหลมเสียบแทงเข้าที่ลำคอเพื่อตัดลิ้นไก่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วาทะกรรม “ตัดแขน – ขาเด็กหรือทำร้ายร่างกายเด็กจนพิการก่อนพามาขอทาน” ถูกนำกลับมาพูดถึงอย่างกว้างขวางอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการตรวจร่างกายเด็กโดยละเอียดจากแพทย์ ก็ปรากฏข้อเท็จจริงในท้ายที่สุดว่าเด็กมิได้ถูกทำร้ายร่างกายจนพิการแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเด็กเคยติดเชื้อที่กล่องเสียงจนต้องทำการผ่าตัดและมีความพิการนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ถือเป็นข้อบกพร่องที่ภาครัฐใช้วิธีการสัมภาษณ์เด็กเพียงประการเดียว มิใช้วิธีทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือมากยิ่งกว่าเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏชัด ก่อนที่จะให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชน จนทำให้เกิดความตื่นตระหนักต่อสังคมโดยใช่เหตุ นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอข่าวขอทานแกล้งพิการตาบอดที่อำเภอแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งแม้มิใช่ปัญหาการนำเด็กมาขอทานโดยตรง แต่ก็ถือเป็นกรณีอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี เมื่อมีสามี – ภรรยา คู่หนึ่งหาเงินเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยสามีจะทำทีเป็นขอทานตาบอดและฝ่ายภรรยาจะทำหน้าที่พาไปขอทานตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งสามารถทำรายได้ถึงวันละ 3,500 – 4,000 บาท โดยทั้งคู่นำเงินที่ได้จากการขอทานไปใช้จ่ายในการเช่ารีสอร์ทหรูและเที่ยวสถานบันเทิงในช่วงกลางคืนเป็นประจำ จนถูกจับกุมในที่สุด อย่างไรก็ตามในคดีนี้ไม่มีเจ้าทุกข์ร้องเรียนจึงทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงกับทั้ง 2 คนได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น