ตัวอย่างปัญหาที่เกี่ยวกับกระบวนการเบื้องหลัง
ตัวอย่างปัญหา

ปัญหาการนำเด็กมาถือกล่องรับบริจาค การนำเด็กมาถือกล่องรับบริจาคนั้น ถือเป็นรูปแบบการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเพิ่งปรากฏข้อเท็จจริงในช่วงประมาณเดือนธันวาคม 55 โดยเด็กที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ยังคงเป็นเด็กกัมพูชาเช่นเดียวกับปัญหาเด็กขอทาน จะแตกต่างก็เพียงแต่อายุของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อนั้นจะอยู่ระหว่าง 6 – 15 ปี และเด็กที่ตกเป็นเหยื่อนั้น ยังพบเพียงกลุ่มเด็กชายเท่านั้นไม่พบว่ามีเด็กหญิงแต่อย่างใด โดยนายหน้าจะใช้วิธีการซื้อ – ขายเด็กจากครอบครัวที่มีความยากจนในราคาประมาณ 3,000 บาท โดยอ้างว่าจะพาเด็กไปเรียนหนังสือที่ประเทศไทย จากนั้นนายหน้าค้ามนุษย์จะลักลอบนำเด็กเข้าสู่ประเทศไทยทางด่านชายแดนจังหวัดสุรินทร์หรือด่านชายแดนอรัญประเทศ โดยระหว่างทางนายหน้าจะซื้อชุดนักเรียนให้กับเด็ก เพื่อทำให้เด็กหลงเชื่อว่านายหน้าจะพาไปเข้าเรียนในสถานศึกษาจริง แต่ท้ายที่สุดแล้วเด็กจะถูกบังคับให้สวมเสื้อนักเรียนและถือกล่องรับบริจาค ซึ่งเขียนข้อความเรียกร้องความน่าสงสารต่างๆ เป็นภาษาไทย อาทิเช่น “ขอรับบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษา” , “ผมเอาไปรักษาตัวครับ ขอบคุณครับ” หรือ “ผมเป็นเด็กกำพร้า ผมขอบริจาคครับ ขอบคุณ” เป็นต้น จากการวิเคราะห์ของโครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงานั้น คาดว่าการที่นายหน้าเปลี่ยนรูปแบบจากการนำเด็กมาขอทานเป็นการถือกล่องรับบริจาคนั้น อาจเป็นไปได้ว่าการนำเด็กมาขอทานมีรายได้ที่น้อยกว่าเดิม เนื่องจากคนในสังคมเริ่มมีความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาการนำเด็กมาขอทานมากขึ้นกว่าในอดีต ทำให้นายหน้าจำต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเรียกร้องความน่าสงสารของเด็กให้แตกต่างจากเดิม ซึ่งการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบการถือกล่องรับบริจาคนั้น สามารถสร้างรายได้ที่สูงกว่าการนำเด็กมาขอทานเป็นอย่างมาก โดยเด็กถือกล่องจะมีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 – 1,500 บาทเลยทีเดียว ถือเป็นการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าจับตามองและคาดว่าในรอบปี 2556 จะมีกลุ่มขบวนการนายหน้าค้ามนุษย์ที่นำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น